วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

Review คุ๊กกี้แครนเบอร์รี่ผสมเมล็ดม่วงหิมพานต์ค่าา


                       วันนี้จะมา Review 
       Dried Cranberry & Cashew Cookies






แนะนำค่ะของ Nut Walker จริงๆผลิตภัณฑ์เค้าเองมีหลายแบบ แต่วันนี้ Review รสชาตินี้ก่อน Dried Cranberry & Cashew Cookies กล่องสีแดง เป็นคุ๊กกี้แครนเบอร์รี่ผสมเมล็ดมะม่วงหิมพานต์
 หน้าตาคุ๊กกี้ โดยส่วนตัวพอได้รับประทานแล้วรู้สึกชอบมาก เพราะเป็นคนไม่ชอบหวาน รสชาติลงตัวมาก นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของ

แครนเบอรี่ ซึ่งเป็นเบอรี่ที่มีวิตามิน และแร่ธาตุสูง บำรุงผิวพันธ์ ต้าน

อนุมูลอิสระเช่นกัน รสชาติจะรสของแครนเบอร์รี่ซึ่งจะตัดกับความ

หวานของตัวคุ๊กกี้เอง เข้ากันดีจริงๆค่ะ คุ๊กกี้ตัวนี้จะกรอบนอกนุ่มในค่ะ 

ยิ่งได้กินกับชาช่วงเวลาบ่ายๆๆ Afternoon tea thailand 

จริงๆเลยค้า ไม่ต้องไปไกลถึงฝรั่งเศษ 


แครนเบอรรี่อบแห้ง


มาทำความรู้จัก แครนเบอรรี่อบแห้งกัน

          แครนเบอร์รี่ (Cranberries) เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีผลเล็ก ๆ สีแดงสด รสชาติหวานอมเปรี้ยว มักจะปลูกในแถบประเทศอเมริกา และแคนาดา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทานเจ้าผลไม้นี้แบบสด ๆ กันสักเท่าไหร่ มักจะได้ทานแครนเบอร์รี่ในรูปแบบที่ผสมมากับอาหารชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผลไม้ ซอส แยม โยเกิร์ต รวมทั้งแครนเบอร์รี่อบแห้ง

  ส่วนใครที่เห็นว่า แครนเบอร์รี่ ลูกเล็ก ๆ นี้ ไม่น่าจะมีฤทธิ์อะไรต่อสุขภาพมากนัก ขอบอกว่า คิดผิดถนัดค่ะ เพราะเจ้าลูกเล็ก ๆ นี้แหละที่มีสารอาหารมากมาย โดย แครนเบอร์รี่ 100 กรัม จะให้สารอาหารดังนี้


          พลังงาน 46 กิโลแคลอรี
          ไฟเบอร์ 4.6 กรัม
          น้ำตาล 4.04 กรัม
          แคลเซียม 8 มิลลิกรัม
          แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
          แมงกานีส 0.15 มิลลิกรัม
          ฟอสฟอรัส 13 มิลลิกรัม
          โพแทสเซียม 85 มิลลิกรัม 
          โซเดียม 2 มิลลิกรัม
          วิตามินซี 13.3 มิลลิกรัม
          วิตามินเอ 60 IU
          วิตามินเค 5.1 ไมโครกรัม
          แคโรทีน 36 ไมโครกรัม
          ลูทีน และซีแซนทีน 91 ไมโครกรัม


เห็นสารอาหารเต็มเปี่ยมอย่างนี้แล้ว คงอยากรู้แล้วใช่ไหมว่า แครนเบอร์รี่ มีประโยชน์อย่างไรต่อสุขภาพบ้าง เรามาดูพร้อมพร้อม กันเลย

 แก้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

          แครนเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย จึงมีสรรพคุณต่อกรกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากในแครนเบอร์รี่มีสารหลายชนิด โดยเฉพาะสารแทนนิน ที่ช่วยหยุดการเกาะตัวของแบคทีเรียอี โคไล ที่บริเวณผนังทางเดินปัสสาวะ คนที่เป็นโรคนี้ให้ดื่มน้ำแครนเบอร์รี่เข้มข้น ไม่มีน้ำตาลแก้วละ 250 มิลลิลิตรทุกวัน วันละ 3 แก้ว ถ้าจิบวันละ 1 แก้วจะช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้ได้อีก หรือรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากแครนเบอร์รี่วันละ 800 มิลลิกรัมก็จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายแข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยขจัดกลิ่นในปัสสาวะได้ด้วย

ช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากอากาศหนาว

          แครนเบอร์รี่มีวิตามินซีสูง จึงช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่มากับอากาศหนาวได้ และยังเหมาะที่จะนำไปทำเครื่องดื่มประเภทสมูธตี้ผลไม้ นำส้มคั้นลูกขนาดกลางหนึ่งลูก เกรปฟรุตครึ่งลูกคั้นเอาแต่น้ำใส่ในเครื่องปั่น เติมแครนเบอร์รี่ 2 กำมือและกล้วย 1 ผลลงไป ปั่นให้เข้ากัน ดื่มเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน และช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าเหมือนอยู่ในฤดูร้อนที่แสนสดใส

 ผิวพรรณและริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื่น

          แครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซี และแอนตี้ออกซิเดนท์จำนวนมากที่ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น จึงเหมาะที่จะนำไปทำเป็นลิปมัน เพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งแตกในช่วงหน้าหนาว โดยนำแครนเบอร์รี่ 10 ผลผสมกับน้ำมันสวีทอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันวิตามินอี 1 หยด ไปต้มจนเดือด นำส่วนผสมที่ได้ไปบดให้ละเอียดผ่านกระชอน เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้เย็น นำมาทาเวลาปากแห้ง

          นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพบว่า ในแครนเบอร์รี่มีสารโปรแอนโธไซยานิดีน (Proanthocyanidine) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสีกลุ่มสีม่วงที่ดีกับสุขภาพเส้นเลือดอีกด้วย แถมยังช่วยป้องกันโรคเหงือก และแผลในช่องท้องได้อีกต่างหาก

เห็นประโยชน์ดี ๆ ของผลไม้จิ๋วลูกนี้แล้ว คงต้องรีบไปหาแครนเบอร์รี่มาลิ้มชิมรสกันแล้วล่ะ ^^






คุณสามารถอัพเดทความประโยชน์ และความรู้ได้ที่ Facebook Page ประโยชน์ที่อยากบอกต่อ
เข้าไปร่วมแชร์ความคิดเห็นได้นะค่ะ

ผลไม้อบแห้ง กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด


ผลไม้สด ผลไม้อบแห้ง กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด 
(สุขกายสบายใจ)





Fruitful Tips เรื่อง : สุธารัชฏ์ รัตนารามิก

          ใครที่เน้นกินผลไม้เพื่อลดน้ำหนักมาทั้งอาทิตย์ และให้รางวัลตัวเองด้วยการกินอะไรก็ได้ตามใจหนึ่งวัน ทำให้สุดท้ายแผนไดเอ็ทล่ม พยายามเท่าไหร่ไม่สำเร็จเสียที สุขกายสบายใจฉบับนี้เราขอเน้นเรื่องกินผลไม้เพื่อควบคุมน้ำหนัก ที่แม้ว่าจะหยิบมากินเล่นยามว่างให้เคี้ยวเพลินแบบ "Ready-to-eat" แคลอรีก็ไม่มีเกินอย่างแน่นอน



วิธีคำนวณแคลอรี


          เพื่อชั่งตวงให้ได้ปริมาณพอเหมาะ ดังนี้ ผลไม้สดหั่นชิ้น 1 ถ้วยตวง (8 ออนซ์ / 40 กรัม) เทียบได้กับผลไม้อบแห้ง ? ถ้วยตวง (8 ออนซ์ / 40 กรัม) ข้อควรระวังคือ แม้ว่าอัตราส่วนบริโภคที่เท่ากัน แต่แคลอรีที่ได้มากน้อยขึ้นอยู่กับน้ำตาลที่เพิ่มรสชาติ อีกทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ ยังไม่เท่ากันด้วย





ผลไม้อบแห้งลดรอบเอว


          ในการลดน้ำหนัก  โดยอันที่จริงแล้วทั้งผลไม้สดและผลไม้อบแห้งล้วนมีประโยชน์ แต่แตกต่างกันตรงปริมาณน้ำตาล และแคลอรีที่ได้รับในหนึ่งหน่วยบริโภค และที่ผลไม้สดมีประโยชน์เพราะมีน้ำเป็นส่วนประกอบให้ประโยชน์ต่อร่างกายด้วยวิตามินเอ และซี 

          แต่ผลไม้อบแห้ง คือผลไม้สดที่ผ่านกระบวนการรีดน้ำออกด้วยความร้อนสูง มีการแต่งรสชาติด้วยน้ำตาล  แคลอรีสูง แต่กลับอุดมด้วย "ใยอาหาร" หรือ ไฟเบอร์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี และปราศจากไขมันสะสมในร่างกาย



4 คุณค่าดี ๆ ที่ได้จากผลไม้อบแห้ง

           1.เป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นดีกระตุ้นการขับถ่าย

           2.มีโพแทสเซียมช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ ป้องกันอาการกล้ามเนื้อชักกระตุก อีกทั้งยังช่วยลดความเครียด และคลายความกังวล

           3.สร้างออกซิเจนให้ร่างกายด้วยธาตุเหล็กบำรุงเลือด ป้องกันภาวะโลหิตจาง ร่างกายอ่อนเพลีย
           4.เป็นแหล่งแคลเซียม แมงกานีส วิตามินเอ วิตามบีคอมเพล็กซ์ และวิตามินซี ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน บำรุงผิวพรรณ และระบบการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายให้เป็นปกติ










คุณสามารถอัพเดทความประโยชน์ และความรู้ได้ที่ Facebook Page ประโยชน์ที่อยากบอกต่อ
เข้าไปร่วมแชร์ความคิดเห็นได้นะค่ะ



 ที่มา:www.kapook.com

สตรอเบอรี่ผลไม้สีสดใส

สตรอเบอรี่ผลไม้สีสดใส


สตรอเบอร์รี่ผลไม้สีหวานสดใสนี้นอกจากจะกินอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยประโยชน์ทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ สารอาหารต่าง ๆ ตั้งแต่โฟเลต วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม โปรแตสเซียม ไฟโตนิวเทรียนท์ ไฟเบอร์ ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก กรดเอลลาจิก ฯลฯ สตรอเบอร์รี จึงเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพด้วยสรรพคุณที่เกินพิกัด...

      1. ช่วยล้างพิษที่สะสมในร่างกาย เช่น กรดยูริก สาเหตุสำคัญของโรคข้ออักเสบและโรคเกาท์      2. ช่วยให้ห่างไกลโรคต่าง ๆ ทั้งโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มะเร็งลำไส้นิ่วในไต สีแดงสดของสตรอเบอร์รีล้วนอุดมไปด้วยซูเปอร์ไฟเบอร์เพคติน และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและช่วยเคลือบทางเดินอาหารอีกด้วย

      3. ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองโดยสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ให้กับระบบประสาท

      4. ช่วยดูแลสายตา สารต้านอนุมูลอิสระในสตรอเบอร์มีส่วนช่วยชะลอขบวนการเสื่อสภาพของดวงตาได้

      5. ช่วยลดความอ้วน สตรอเบอร์รีคือผลไม้เพื่อการลดน้ำหนักที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็กต์ เพราะปริมาณ 1 ถ้วยให้พลังงานเพียง 49 แคลอรี เท่านั้น และยังอุดมด้วยไฟเบอร์ช่วยให้อิ่มท้องและช่วยระบบการขับถ่าย

      6. ช่วยดูแลสุขภาพเหงือกและฟัน ช่วยรักษาแผลในปาก ช่วยดับกลิ่นปาก ทำให้ลมหายใจสดชื่น

      7. ใบสดของสตรอเบอร์รี ยังสามารถนำมาโขลกแล้วนำไปประคบ ช่วยลดอาการอักเสบและบวมช้ำได้อีกด้วย



เห็นสรรพคุณมากมายของเจ้าผลไม้สีสดใสนี้ไปแล้ว เรามาบอกวิธี

ทำให้เจ้าลูกนี้เก็บรักษาได้นานขึ้นไปอีกกัน โดยการนำมาอบแห้งค่ะ

ขั้นตอนการเตรียมทำ สตรอเบอรี่อบแห้งค่ะ

ผลสตรอเบอรี่สด    (ล้างน้ำ-ตัดขั้ว) 3 กก.

และน้ำตาลทราย 1 กก.

วิธีทำ...ใส่ผลสตรอเบอรี่ลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย ตั้งไฟ


อ่อน ประมาณ 20 นาที น้ำตาลทรายจะละลายเอง อย่าปล่อยให้ทิ้งไว้

นาน เพราะผลสตรอเบอรี่จะเละตักผลสตรอเบอรี่ขึ้น ปล่อยทิ้งไว้ให้

สะเด็ดน้ำ แล้วนำผลสตรอเบอรี่ไปอบในตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ 

ประมาณ 5-7 ชั่วโมง หรือถ้าไม่มีตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ ให้ใช้เตา

อบแก๊สพลังงานต่ำธรรมดาที่ใช้อบผลไม้ ใช้เวลาประมาณ 5-7 ชั่วโมง

เช่นเดียวกัน


สิ่งที่เหลือจากการทำสตรอเบอรี่อบแห้งก็คือ น้ำสตรอเบอรี่เข้มข้นิ ซึ่ง

จะต้องนำมากรองด้วยผ้าขาวบางอีกครั้งหนึ่ง ชิมรสดูก่อน ถ้ายังหวาน

ไม่พอก็เติมน้ำตาลลงไปอีก 



ใครที่ไม่มีเวลามาทำเจ้าสตรอเบอรี่อบแห้งนั้น แนะนำค่ะตัวนี้ค่ะ มีวาง

ขายตามซุปเปอร์มาร์เกตทั่วไป รสชาติไม่หวาน อร่อย กลมกล่อมไป

เลยค่ะ จะเพลินมากเวลานั่งดูหนังหรือทำงาน กินได้เรื่อยๆๆไม่อ้วน 

แถมประโยชน์ให้เต็มๆๆเลยค่ะ





คุณสามารถอัพเดทความประโยชน์ และความรู้ได้ที่ Facebook Page ประโยชน์ที่อยากบอกต่อ
เข้าไปร่วมแชร์ความคิดเห็นได้นะค่ะ



ที่มา.........pantip.com
การอ้างอิง

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

กินตามกรุ๊ปเลือด


กินตามกรุ๊ปเลือด


 "กินตามกรุ๊ปเลือด" ดังนี้ ..พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ เจ้าของโครงการห่วงใยสุขภาพ เล่าว่า การรับประทานอาหารตามกรุ๊ปเลือดเป็นผลมาจากงานวิจัยของแพทย์ชาวอเมริกัน ซึ่งพบว่าการรับประทานอา

หารที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดจะช่วยสร้างสมดุลที่ดีที่สุดให้แก่ร่างกาย ภูมิต้านทาน ระบบย่อย รวมถึงการลดน้ำหนักและเพิ่มพละกำลัง ที่สำคัญช่วยทำให้ไม่แก่เร็วอีกด้วย

กรุ๊ป A เหมาะกับอาหารแบบมังสวิรัติ จึงควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง ระวังอาหารสำเร็จรูป เช่น ไส้กรอกและแฮม เพราะมีไนไตรต์ซึ่งกระตุ้นให้เกิดมะเร็งในกระเพาะ อาหารประเภทนม ถั่วแดง และอาหารที่มีแป้งสาลีมากเกินไปไม่เหมาะกับชาวกรุ๊ป A เพราะมีผลต่อระบบเผาผลาญ ระบบย่อยอาหาร และชะลอการทำงานของอินซูลินแต่การไม่กินเนื้อสัตว์ของชาวกรุ๊ป A จะทำให้ขาดธาตุเหล็ก จึงควรกินข้าวกล้อง ถั่ว มะเดื่อ และน้ำตาลโมแลสซิส (สีดำที่เอามาทำซีอิ๊วหวาน) ควรเสริมอาหารที่มีวิตามินบีและซีมากๆ เพราะจะช่วยปัญหากรดในกระเพาะต่ำ เช่น บร็อกโคลี ส้มโอ สับปะรด เชอรี่ มะนาว รวมถึงผักใบเขียว




กรุ๊ป AB อาหารมังสวิรัติจะให้ผลดีต่อร่างกาย ผลิตภัณฑ์จากนมและไข่รับประทานได้ แต่ไม่มาก หากมีปัญหาไซนัสอักเสบและหูอื้อควรงดอาหารจากผลิตภัณฑ์นม เนย ไข่แดง โปรตีนที่เหมาะสมจะได้จากอาหารทะเล เต้าหู้ แกะ กวาง และกระต่าย แต่ควรรับประทานครั้งละน้อยๆ เพราะกระเพาะของคนกรุ๊ปนี้ไม่ผลิตน้ำย่อยเพียงพอที่จะย่อยโปรตีนมากเกินไปไม่ควรรับประทานปลาเนื้อขาว และแซลมอนรมควัน ถั่วแดงหลวง โดยเฉพาะถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดีไม่ควรรับประทานถั่วเม็ด รวมทั้งน้ำมันต่างๆ (ยกเว้นน้ำมันมะกอก) เพราะจะส่งผลร้ายต่อร่างกาย อาหารประเภทข้าวและแป้งก็มีประโยชน์กับคนเลือดกรุ๊ปนี้ แต่ให้ระวังแป้งข้าวโพด เพราะเป็นตัวการสำคัญทำให้น้ำหนักเพิ่มง่าย เกิดเสมหะ ชาวกรุ๊ป AB มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จึงควรรับประทานผักสดมากๆ ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งเกิดได้ง่ายกับกรุ๊ป AB แต่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้อย่างกล้วย มะม่วง ฝรั่ง ส้ม ซึ่งไม่ดีต่อกระเพาะ ยกเว้นสับปะรดและส้มโอที่ช่วยย่อยได้ดีมาก



กรุ๊ป B ร่างกายของคนเลือดกรุ๊ปนี้เหมาะจะรับประทานอาหารเนื้อสัตว์พวกกระต่าย กวาง แกะ ควรเลี่ยงเนื้ออกไก่เพราะจะนำไปสู่อาการเส้นเลือดแตกหรือตีบในสมอง และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรทานไก่งวงแทน ชาวกรุ๊ป B เป็นเพียงกรุ๊ปเดียวที่ทานอาหารนมเนยได้เต็มที่ ข้าวโอ๊ตและข้าวกล้องก็มีประโยชน์มาก แต่ควรเลี่ยงแป้งสาลี ถั่วบางชนิดเพราะไม่ดีต่อเลือด เกี่ยวข้องโดยตรงกับโรคเครียดและโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องผักส่วนใหญ่ดีต่อสุขภาพของคนกรุ๊ปนี้ ยกเว้นมะเขือเทศที่ต้องห้ามกินโดดเด็ดขาดเพราะมีสารก่อกวนผนังกระเพาะ และข้าวโพดซึ่งมีผลต่อระบบเผาผลาญ แต่ควรทานผักใบเขียวมากๆ โดยเฉพาะเด็กกรุ๊ป B เพราะช่วยป้องกันโรคผื่นคัน ผลไม้เหมาะกับคนกรุ๊ปนี้มาก ถ้าทานผลไม้วันละ 2-3 ครั้งจะมีผลดีต่อการรักษาโรคและลดความเจ็บปวด



กรุ๊ป O มีระบบย่อยเนื้อแดงดีมาก จึงเหมาะจะรับประทานเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา รวมทั้งผักและผลไม้ และควรรับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ เพราะชาวเลือดกรุ๊ปนี้มักมีปัญหาโรคเลือดไม่แข็งตัวและธัยรอยด์ รวมทั้งโรคลำไส้อักเสบที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าเลือดกรุ๊ปอื่นๆ หญิงสาวกรุ๊ป O ไม่ควรรับประทานแป้งสาลี ข้าวโอ๊ต เพราะมีผลต่อระบบการย่อย ทำให้เกิดการสะสมไขมัน เพิ่มน้ำหนักตัว เห็ดหอมและมะกอกดองอาจทำให้เกิดอาการแพ้ มะเขือยาวและมันฝรั่งถือเป็นต้นตอให้ปวดข้อ และควรเลี่ยงแคนตาลูป ส้ม สตรอเบอร์รี่ เพราะมีกรดสูงเกินไปสำหรับคนเลือดกรุ๊ปนี้กรุ๊ปเลือดแต่ละกรุ๊ปแตกต่างกัน การกินอาหารหรือควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือด คือข้อสรุปของทฤษฎีนี้








คุณสามารถอัพเดทความประโยชน์ และความรู้ได้ที่ Facebook Page ประโยชน์ที่อยากบอกต่อ
เข้าไปร่วมแชร์ความคิดเห็นได้นะค่ะ

  

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

น้ำทับทิม ราชาแห่งผลไม้



ทับทิม (Pomegranate) เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก สามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย
ในเมืองไทย ทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแด่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 80 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่า ทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้า




                                             น้ำทับทิม (Pomegranate)

การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านนอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก ด้วยความสามารถที่สูงของสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิม มีผลถึงกับมีงานวิจัยที่มีคุณประโยชน์โดยตรงหลาย อย่างไม่ใช่การคาดคะเนอ้อมๆ กันอีกต่อไป
งานวิจัยแรกพบว่าสารจากน้ำทับทิม สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือด จากไขมันในเลือดสูงได้ โดยทำให้การแข็งตัวหรือการสะสมไขมันในเส้นเลือดหนู และในคนด้วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางการแพทย์ ยังมีอีกรายงานที่พบว่าไม่เพียงแต่ลดการสะสมไขมันในตัวเส้นลือด แต่ยังทำให้เส้นเลือด ที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้วซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ผลงานวิจัยดังกล่าวนี้เป็นรายงานใหญ่ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ที่เชื่อถือได้ และจากการทดลองในผู้ป่วยน้ำทับทิมมีคุณสมบัติ ลดความดันโลหิตได้เล็กน้อยอีกด้วย คือลดได้ประมาณ 5% ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง ซึ่งทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์



                          


อย่างไรก็ตามถ้าเราไม่ต้องการผลนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทานมากขนาดนั้น สารต้านอนุมูลอิสระในทับทิม ยังบำรุงตับ โดยมีรายงานการให้สารจากทับทิมในหนูทดลองก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์ต่อตับ พบว่าหนุที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับได้จริง (Hepatoprotectiv effect) ยังมีงานวิจัย ด้วยน้ำทับทิม ทั้งในรูปน้ำสดและผ่านการหมักต่อเซลล์มะเร็งหน้าอกของคน (Human breast cell) พบว่ามีฤทธิ์ในการ ยับยั้งของเซลล์มะเร็งได้จริงอีกด้วย ในประเทศญี่ปุ่นมีรายการแนะนำทับทิมทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ว่า ทับทิมมีสรรพคุณในการบรรเทาโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง เพิ่มความงาม และประโยชน์อื่นอีกมากมาย ทำให้ทับทิมเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง สภาพตลาดทับทิมระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน ได้มีการค้นคว้าและแปรรูปทับทิมมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น ในประเทศเยอรมันมี นอกจาก จะมีการผลิตสินค้าจากน้ำทับทิมเข้มข้นแล้ว ยังได้นำเมล็ด ใบ และดอก มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหลากหลายชนิด น้ำทับทิมจึงเป็นน้ำผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณประโยชน์ และเป็นของที่มาจากธรรมชาติ นับเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่มีผลบำรุงร่างกายที่แท้จริง..

มียี่ห้อหนึ่งที่อยากแนะนำให้เพื่อนๆเลือกของที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและคนที่คุณรักค่ะ  

                           

จากที่เคยดื่มมาทั้งหมดรู้สึกชอบยี่ห้อนี้มาก ดื่มแล้วจะรู้สึกแตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆเพราะว่ายี่ห้อนี่เข้มข้น ไม่ใสๆ ไม่ใส่น้ำตาล รู้สึกเหมือนกินผลไม้เพียวๆเลยค่ะ ข้างขวดเมื่อลองสังเกตจะเขียนคำว่า NOT FROM CONCENTRATE (NFC) หลายคนอ่านสงสัยว่าคืออะไร เดี๋ยวดิฉันจะมาบอกในคราวหน้านะค่ะ และที่สำคัญของยี่ห้อนี้คือ น้ำทับทิม คั้นสดจากลูกทับทิม ออร์แกนิค ไม่มีส่วนประสมของน้ำเปล่า และปราศจากการปรุงรส แต่งสี เคยเห็นแต่ผักออร์แกนิค แต่ไม่เคยเห็นน้ำผลไม้ออร์แกนิคเลย  ลองหามาดื่มกันนะค่ะ เพื่อสุขภาพของเราในวันข้างหน้า มีวางจำหน่ายที่ตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป ^^








คุณสามารถอัพเดทความประโยชน์ และความรู้ได้ที่ Facebook Page ประโยชน์ที่อยากบอกต่อ
เข้าไปร่วมแชร์ความคิดเห็นได้นะค่ะ


วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

บลูเบอร์รี่(Blueberry) เบอร์รี่ที่มีประโยชน์




คุณรู้หรือไม่ว่า ไอ้เจ้าผลได้ลูกเล็กๆลูกนี้ มีสรรพคุณมากมายกว่า

ขนาดลูกของมันเยอะ ผลตระกูลเบอร์รี่ที่มีผิวสีน้ำเงินเข้มคนไทยนั้นจะ

ไม่ค่อยนิยมเพราะเป็นผลไม้ในเมืองหนาว แต่ส่วนใหญ่นั้นจะจำหน่าย 

ตามซุปเปอร์มาเก็ต ที่สาขาใหญ่ๆ ถึงจะมีผลไม้ชนิดนี้ แต่ในประเทศ

สหรัฐอเมริกานั้น นั้นเป็นที่นิยมกันมากในผู้สูงอายุ เพราะผลการวิจัย

พบว่า การกินผลไม้ชนิดนี้จะทำให้สุขภาพแข็งแรง และช่วยในเรื่อง

ของความจำได้อีกด้วย



          ขอแนะนำให้กับผู้รักสุขภาพที่ชื่นชอบการทานผลไม้ ด้วยผลไม้เมืองหนาวปลอดสารพิษที่มากล้นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง "บลูเบอร์รี่" และแม้ว่าราคาจะแพงไปสักนิดเพราะเป็นของอิมพอร์ต แต่คุณประโยชน์ที่ปรากฏก็น่าสนใจให้ลิ้มลองไม่น้อย





บลูเบอร์รี่ (Blueberry) เป็นผลไม้ท้องถิ่นของทวีปอเมริกาเหนือที่มีอายุมานานกว่า 13,000 ปีแล้วเป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า Blueberry มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเพราะมีวิตามิน C และ วิตามิน E อยู่มาก ราวสองสามปีมานี้ ความต้องการ Blueberry สูงขึ้นมาก เมื่อนักวิจัยพบว่า ผลไม้กลมๆ เล็กๆ สีน้ำเงินเข้มนี้ มีสาร anti-oxidant อยู่ในระดับสูงด้วย สาร anti-oxidant นั้น เป็นสารเคมีที่ต่อต้านการอักเสบ ช่วยต่อสู้ภาวะการแก่ตัวหรือชะลอความแก่ และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง นักวิจัยบอกว่ายิ่ง Blueberry ป่าด้วยแล้ว มีระดับสาร anti-oxidant สูงมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นใด
 
          เหตุผลที่ควรกินบลูเบอร์รี่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากแต่เจ้าผลไม้สีน้ำเงินเข้มลูกเล็กยังมีปริมาณใยอาหารสูง โดยเฉพาะเพกติน ที่ทำหน้าที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แถมยังช่วยดูแลเส้นเลือดฝอยให้แข็งแรง ช่วยชะลอความแก่และพัฒนาความจำในคนชราให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ฉะนั้นบลูเบอร์รี่จึงถือเป็นซูเปอร์ฟรุตที่คุณสาวๆน่าลิ้มลองสุด ๆ 






คุณสามารถอัพเดทความประโยชน์ และความรู้ได้ที่ Facebook Page ประโยชน์ที่อยากบอกต่อ
เข้าไปร่วมแชร์ความคิดเห็นได้นะค่ะ




วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

เห็ดหอม กินทุกวัน ดีทุกวัน


รู้กันไหมว่าเห็ดแห้งสีดำดอกโตเมื่อเอามาแช่น้ำดอกจะบานใหญ่ นำ

มาปรุงอาหารได้หลายชนิด แล้วกินเพื่ออะไร เรามาหาคำตอบกันค่ะ 






ชื่อสามัญ :Shiitake Mushroom

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lentinus edodes (Berk.) Sing.

ชื่ออื่น : ญี่ปุ่นเรียกว่า ไชอิตาเกะ เกาหลีเรียกว่า โบโกะ จีนเรียกว่าเฮียโกะ

สรรพคุณทางยา: คนจีนใช้เห็ดหอมเป็นอายุวัฒนะ รักษาหวัดทำให้เลือดลมดี แกโรคหัวใจ ป้องกันการเติบโตของเนื้อร้าย ต้านพิษงู ป้องกันโรคเลือดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคมะเร็ง โรคร้ายจากเชื้อไวรัส เห็ดหอมมีกรดอะมิโนชื่อ eritadenine ช่วยให้ไตย่อยโคเลสเตอรอล ได้ดี มีสารเลนติแนน (Lentinan)ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ ในระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ ในการต่อสู้กับเซลล์เนื้องอก

ประโยชน์ของเห็ดหอม คือ บำรุงสมอง เพิ่มความสดชื่น คึกคัก ลดคอเลสเตอรอล ช่วยในระบบย่อยอาหาร ป้องกันหลอดเลือดแดง แข็งตัว ต้านมะเร็ง รักษาหอบหืด ลดความเครียด ต้านไวรัส บำรุงระบบประสาท ช่วยให้หลับง่าย บำรุงปอด บำรุงหลอดลม ชะลอความชรา ฯลฯ

ควรบำรุงสุขภาพด้วยการนำเห็ดหอมมาปรุงอาหารทุก ๆ สัปดาห์เป็นประจำ โดยนำมาปรุงเป็นอาหารจานผัด ๆ ต้ม ๆ แต่ไม่ควรรับประทานในปริมาณมากจนเกินไป





คนนิยมนำเห็ดหอมตากแห้งมาปรุงอาหารเพราะให้กลิ่นหอมมากกว่าแบบสด ซึ่งก่อนปรุงต้องลวกในน้ำเดือดประมาณครึ่งชั่วโมง แช่น้ำอุ่นประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือข้ามคืน ช่วยให้เนื้อเห็ดนุ่มขึ้น น้ำแช่เห็ดหอมนี้ยังเก็บเอาไปทำเป็นน้ำสต๊อกปรุงรสอาหารได้ด้วย คนนิยมนำมาปรุงอาหารเจ เพราะเนื้อนุ่มเหนียวและกลิ่นหอมชวนกิน ชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารตำรับ "อมตะเพราะคุณสมบัติความเป็นยาบำรุงกำลัง และบรรเทาอาการไข้หวัด การไหลเวียนเลือดไม่ดี ปวดกระเพาะอาหาร รวมทั้งอาการเหนื่อยอ่อนเพลีย ซึ่งเห็ดหอมนี้จะให้โปรตีนได้มากกว่าเห็ดแชมปิญองถึง เท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังอุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินบี ซีลีเนียม และธาตุอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ลดไขมันในเส้นเลือด และต้านโคเลสเตอรอล



                รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีสุขภาพดี 

          
         ก็อย่าลืมหาเห็ดหอมมารับประทานกันนะค่ะ


 





                                        
คุณสามารถอัพเดทความประโยชน์ และความรู้ได้ที่ Facebook Page ประโยชน์ที่อยากบอกต่อ
เข้าไปร่วมแชร์ความคิดเห็นได้นะค่ะ